Ranger Investigation GuardRanger Investigation GuardRanger Investigation Guard

นิยามข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

ตามที่ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้มีผลบังคับใช้ในวันที่ออกประกาศนี้ เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและมาตรการเยียวยาเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจากการถูกละเมิดสิทธิที่มีประสิทธิภาพ บริษัท รักษาความปลอดภัย แรงเจอร์ อินเวสติเกชั่น จำกัด จึงได้ออกประกาศฯให้สอดคล้องกับบทบัญญัติ เงื่อนไข และคำจำกัดความตามความหมายที่ปรากฏในพระราชบัญญัติดังกล่าว ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานของบริษัทฯ รวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้ว่าจ้างและบุคคลผู้พักอาศัย ลูกบ้าน หรือผู้มาติดต่อ ตามสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัย  ที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล  เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของบริษัทฯเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของพนักงานฯรวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ทราบโดยทั่วกันว่า

ประการแรก ประกาศฯ ฉบับนี้ต้องการแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯ ได้ขอความยินยอมโดยชัดแจ้งต่อพนักงานฯรวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัตินี้ ว่าผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯมีสิทธิในการเก็บรวบรวม  การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล  ของพนักงานฯ รวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้

ประการที่สอง วัตถุประสงค์ในการการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานรวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัตินี้ที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ประการที่สาม วัตถุปรสงค์ในการใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล  ของพนักงานฯ รวมถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัตินี้ได้กล่าวโดยชัดแจ้งไว้แล้วในประกาศฯ และได้ทำการเผยแพร่ให้เป็นที่รับทราบไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าในทางใดของบริษัทฯ

ข้อ 1 : คำจำกัดความ (Definitions)

ลำดับ (No.) คำศัพท์ (Term) คำอธิบาย (Descriptions)
1 บริษัท บริษัท รักษาความปลอดภัย แรงเจอร์ อินเวสติเกชั่น จำกัด และบริษัทฯ ในเครือ
2 ข้อมูลส่วนบุคคล
(Personal Data)
ข้อมูลที่สามารถระบุหรืออาจระบุตัวตนได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เลขที่บัญชีธนาคาร เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลที่พักอาศัย / สำเนาทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษา เอกสารผ่านการฝึกอบรม ภาพถ่าย/คลิปวีดีโอ ใบขับขี่ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ประวัติอาชญากรรม     ข้อมูลทางสุขภาพ ข้อมูลทางการเงิน IP Address Cookies เป็นต้น
3 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(Data Subject)
บุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือ บุคคลที่ข้อมูลนั้นระบุไปถึง แต่ไม่รวมถึง “นิติบุคคล” (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด
4 พนักงาน บุคคลที่มีสถานะเป็นพนักงานของบริษัทฯและบริษัทในเครืออยู่ก่อนหรือขณะที่ประกาศนี้ใช้บังคับ
5 บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง บุคคลที่มีสถานะเคยเป็นพนักงานของบริษัทฯหรือบริษัทในเครือไม่ว่าจะพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัทฯในกรณีใดๆ รวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้ว่าจ้างและบุคคลผู้พักอาศัย ลูกบ้าน หรือผู้มาติดต่อที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยระหว่างผู้ว่าจ้างกับบริษัทฯ หรือบุคคลอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัทฯไม่ว่าในทางใด

ข้อ 2 : การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขตและใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทฯเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูลรับรู้ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัท กรณีที่บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยได้แจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นที่กำหนดไว้

บริษัทอาจสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเพิ่มเติมจากพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น เมื่อพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม หรือบริการที่บริษัทหรือพันธมิตรทางธุรกิจจัดขึ้น โดยพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอาจต้องระบุข้อมูลเพิ่มเติม การแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมจะทำให้พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถใช้บริการต่างๆ ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ และเพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ

ข้อ 3 : จุดประสงค์การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล และการเปิดเผยข้อมูล

บริษัทจะทำการจัดเก็บ รวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องได้รับสินค้าและบริการที่ดีจากบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องตกลงและยินยอมให้บริษัทสามารถใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในการติดต่อหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหรือบางส่วนไปยังบริษัทในเครือของบริษัทหรือพันธมิตรในทางธุรกิจ หรือบุคคลอื่น โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแก่พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องและของกิจการบางส่วน ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อสนับสนุนการส่งมอบบริการ , โฆษณา , ผลิตภัณฑ์ , สิทธิพิเศษ , กิจกรรมด้านการตลาดที่ตรงกับความต้องการของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ผ่านช่องทางส่วนบุคคลที่พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องยินยอมให้บริษัทจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  2. เพื่อวิจัยและวิเคราะห์ประสบการณ์การใช้บริการ ทำธุรกรรม หรือการร่วมกิจกรรมใดๆ กับบริษัทในเครือ ทำให้พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
  3. เพื่อปรับแต่งข้อเสนอ โฆษณา สิทธิพิเศษ กิจกรรมด้านการตลาด หรือเนื้อหาที่คุณสนใจ ซึ่งจะส่งให้พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องผ่านทางช่องทางต่างๆ ของ เช่น เว็บไซต์ , อีเมล , การแจ้งเตือนภายในเว็บไซต์ , โซเชียลมีเดีย หรือช่องทางอื่นๆ ในอนาคต
  4. เพื่อดำเนินการตามการใช้บริการ ทำนิติกรรมสัญญา ธุรกรรม หรือการร่วมกิจกรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดยบริษัท หรือบริษัทพันธมิตร
  5. เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะดำเนินการโดยบริษัท หรือบุคคลภายนอก รวมถึงบริษัทพันธมิตร
  6. เพื่อติดต่อผู้ใช้งานสำหรับการให้บริการ และดูแลผู้ใช้งาน หรือสำหรับการสื่อสารด้านการตลาดที่ได้รับอนุญาตตามช่องทางการสื่อสารที่พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องยินยอมให้ทางบริษัทจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  7. เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ตามกฎหมาย
  8. เพื่อคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สิน หรือความปลอดภัยของบริษัท หรือของผู้ใช้บริการของบริษัท

ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้นหรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องก่อน โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผย และเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายส่วนบุคคลนี้ไม่ครอบคลุมการรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอก ที่กระทำโดยบุคคลภายนอก ไม่ว่าจะเป็นผู้โฆษณา ผู้ให้บริการ ผู้ขายสินค้าในเว็บไซต์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อ (Link) กับเว็บไซต์ , แอปพลิเคชั่น , โซเชียลมีเดีย (Social Media) หรือช่องทางในอนาคตของบริษัท การเชื่อมโยงระบบโซเชียลมีเดีย (Social Media) เพื่อแชร์เนื้อหาในช่องทางของบริษัท หากการกระทำใดๆ ก็ตามที่ขัดต่อกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ อันเนื่องมาจากการกระทำหรือการรวบรวมข้อมูลโดยบุคคลภายนอก

ข้อ 4 : ข้อจำกัดในการใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  1. บริษัทจะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามความยินยอมของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัทเท่านั้น บริษัทจะกำกับดูแลพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่

         1.1) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล , พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ , พ.ร.บ.ป้องกัน                   และปราบปรามการฟอกเงิน , ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา , ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและวิธีพิจารณา                         ความอาญา ฯลฯ

          1.2) เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

          1.3) เพื่อประโยชน์ของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

          1.4) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์​โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท

          1.5) เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

          1.6) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอ                       ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

          1.7) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการ                    ศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

  1. บริษัทอาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย โดยห้ามดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด

ข้อ 5 : ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องที่บริษัทได้รับมาจะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทเท่านั้น

ข้อ 6 : สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการ ดังนี้

  1. การเพิกถอนความยินยอม : พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอยู่กับบริษัท
  2. การขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล : พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถขอเข้าถึง ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องได้ตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามคำสั่งศาล
  3. การได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และถ่ายโอนข้อมูล : พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ได้ให้ไว้กับบริษัทในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมีสิทธิในการถ่ายโอนข้อมูลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องสำหรับการใช้งานในบริการของบุคคลอื่น และในการใช้สิทธิดังกล่าวนี้ พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมีสิทธิที่จะให้บริษัทถ่ายโอนข้อมูลไปยังบุคคลอื่นๆ โดยตรง หากสามารถกระทำได้โดยทางเทคนิค
  4. การคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล : พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในกรณีดังนี้

           4.1) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

           4.2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์                             ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่กรณีจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท

           4.3) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้ด้วยเหตุจำเป็น เพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือเหตุจำเป็น                     เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เว้นแต่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า                           หรือเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้น                           ต่อสู้ สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

  1. การขอลบ หรือเปลี่ยนแปลงสถานะข้อมูลส่วนบุคคล : พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกลายเป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว
  2. การขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล : พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถขอให้บริษัทระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หรือบางส่วน เป็นการชั่วคราวหรือถาวร
  3. การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง : พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถขอแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง และทำให้ข้อมูลของพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นปัจจุบัน
  4. การร้องเรียน : พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่พนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทนั้นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ข้อ7 : การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เมื่อพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องใช้บริการ ทำธุรกรรม หรือร่วมกิจกรรมใดๆ กับบริษัท รักษาความปลอดภัย แรงเจอร์ อินเวสติเกชั่น จำกัด และบริษัทในเครือ ถือว่าพนักงานหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและยินยอมปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต

บริษัทอาจจะแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะเผยแพร่ประกาศการแก้ไขเพิ่มเติมบนเว็บไซต์และช่องทางอื่นของบริษัท และถือเป็นการยอมรับข้อกำหนดของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท รักษาความปลอดภัย แรงเจอร์ อินเวสติเกชั่น จำกัด

เลขที่ 232 ซอยรามคำแหง 4 (สมานมิตร) แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 โทรศัพท์ 0-2717-3640-7 แฟกซ์ 0-2717-3648

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล

บริษัท รักษาความปลอดภัย แรงเจอร์ อินเวสติเกชั่น จำกัด

เลขที่ 232 ซอยรามคำแหง 4 (สมานมิตร) แขวงสวนหลวง  เขตสวนหลวง  กรุงเทพฯ 10250 โทรศัพท์ 0-2717-3640-7 แฟกซ์ 0-2717-3648